วันที่ 5 สิงหาคม 2565 ที่บริเวณลานหน้าศาลจังหวัดหนองบัวลำภู นายธีรารัตน์ สัมมา ผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานพิธีวางพวงมาลาและถวายสักการะ และกล่าวคำสดุดีพระเกียรติ แด่พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ เนื่องใน "วันรพี" ประจำปี 2565 เพื่อแสดงความจงรักภักดี ความกตัญญูกตเวทิตา ที่พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถอันเป็นอัจฉริยะ ประกอบกับพระวิริยะ อุตสาหะ ทรงมีผลงานทางกฎหมายหลายประการ

          พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์ ประสูติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2417 ทรงมีพระนามเดิมว่า พระเจ้าลูกยาเธอพระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์  เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 14 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงศึกษาวิชากฎหมายที่วิทยาลัยไครสต์เชิร์ช ในมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด สหราชอาณาจักร ทรงมีพระวิริยะ อุตสาหะในการเรียนเป็นอย่างมาก สอบไล่ได้ปริญญาตรีชั้นเกียรตินิยมทางกฎหมาย ขณะพระชันษา 20 พรรษา โดยใช้เวลาเรียนเพียง 3 ปี เมื่อเสด็จกลับประเทศไทยทรงเข้ารับราชการในกรมราชเลขานุการ ต่อมาได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นเสนาบดีกระทรวงยุติธรรม นับได้ว่าพระองค์ทรงเป็นนักกฎหมายที่ยึดหลัดนิติธรรมในการใช้กกหมายเป็นวิชาชีพ ทรงเป็นกำลังสำคัญในการเปลี่ยนแปลงและจัดวางระเบียบศาลยุติธรรมของประเทศจากระบบเก่ามาสู่ระบบใหม่ ปรับปรุงศาลต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมือง ทำให้ระบบศาลยุติธรรมของประเทศไทย มีความก้าวหน้าทัดเทียวกับต่างประเทศ ทรงเป็นประธานคณะกรรมการตรวจชำระพระราชกำหนดบทพระอัยการทั้งเก่าและใหม่ จนสำเร็จเป็นกฎหมายลักษณะ อาญา ร.ศ. 127  ซึ่งถือว่าเป็นประมวลกฎหมายไทย ฉบับแรก และในปี 2440 ทรงจัดตั้งโรงเรียนสอนกฎหมายขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ทรงสอนวิชากฎหมายด้วยพระองค์เอง และทรงเปิดให้มีการสอบไล่เนติบัณฑิตครั้งแรก นับเป็นรากฐานอันสำคัญในการศึกษาวิชานิติศาสตร์

          พระองค์เจ้ารพีพัฒนศักดิ์ ทรงประกอบพระราชกรณียกิจ อันเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศไทยเป็นอเนกประการ ทรงวางรากฐานกิจการศาล และปฏิรูปกกหมายต่างๆ ทรงยกร่างออกกฎหมายโฉนดที่ดินและร่วมจัดการชลประทาน ทรงเป็นนักนิติศาสตร์ผู้ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตอย่างยิ่ง ด้วยพระปรีชาสามารถ จึงทรงได้รับการยกย่องให้เป็น "พระบิดาแห่งกฎหมายไทย” และถือว่าวันที่ 7 สิงหาคมของทุกปี อันเป็นวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์ของพระองค์ เป็น "วันรพี"